Wednesday, November 9, 2016

3 คาถาของคนอยู่ในสังคม (อย่างเราๆ)

คาถาของคนทำงาน(อย่างเราๆ) 
1. 
คาถาคนทำงาน 
ขั้นแรก...ท่อง นะโม จบ ก่อน แล้วจึงค่อยท่องคาถานะ 
อาจจะมี ... เซ็งไปบ้าง...ในบางครั้ง 
อาจจะมี ...เบื่อกันบ้าง.... ในบางหน 
อาจจะมี ...เหม็นขี้หน้า...กับบางคน   <====== อันนี้ โดน 
พยายามทน ทำงานไป เพราะได้ตังค์ <====== อันนี้โดนก่า 

2. 
คาถาปล่อยวาง 
กูว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา 
เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ 
สาม ประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย 
จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย 

3. 
คำสอนของพระพุทธเจ้า 
อย่าไปนึกว่า  ' คนอื่น '   เหนือ   กว่าเรา เพราะทำให้เกิดปมด้อย 
อย่าไปนึกว่า   ' คนอื่น '   ต่ำ     กว่าเรา เพราะทำให้เกิดทิฐิ 
อย่าไปนึกว่า  ' คนอื่น '   เสมอ     เท่าเรา   เพราะทำให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น 
จงนึกเสมอว่า คนอื่นทุกคน เป็นเพื่อนรวมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด    

    การบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี ท่านได้ให้พร ข้อ ดังนี้ 
> 1. 
อย่าเป็นนักจับผิด   
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น 
ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก '   
คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส 'จิตประภัสสร 
ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี 
แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข 

> 2. 
อย่ามัวแต่คิดริษยา   
แข่งกันดี ไม่ดีสักคน   ผลั ดกันดี ได้ดีทุกคน 
คนเราต้องมี พรหมวิหาร คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา 
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวร   
ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน   
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ไฟสุมขอน 
ไฟเย็น) เราริษยา คน เราก็มีทุกข์ ก้อน 
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี
 แผ่เมตตา หรือ ซื้อโคมลอยมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา
 แล้วปล ่อยให้ลอยไป 


> 3. 
อย่าเสียเวลากับความหลัง   
90% 
ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 
ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น 
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก 
เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ 
อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน 
อยู่กับปัจจุบันให้เป็น   
ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี สติ กำกับตลอดเวลา 


> 4. 
อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ   
ตัณหา ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี 
เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ   
ธรรมชาติของตัณหา คือ ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม '   
ทุกอย่างต้องดู คุณค่าที่แท้จริง ไม่ใช่ คุณค่าเทียม
เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร คือไว้สื่อสาร 
แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์   
เราต้องถามตัวเองว่า เกิดมาทำไม 
คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน 
ตามหา แก่น ของชีวิตให้เจอ คำว่า พอดี '   คือ ถ้า พอ แล้วจะ ' ดี '     
รู้จัก พอ จะมีชีวิตอย่างมีความสุข 

กรุณาส่งข้อความดีๆ นี้ให้คนที่ท่าน รัก 
และ ปรารถนาดี 
หวังว่าทุกๆท่านจะได้ประสบแต่ความสุขกายสบายใจ

No comments:

Post a Comment