Tuesday, August 27, 2024

กินปลาทูวันละ 2 ตัว ชะลอความแก่

 

กินปลาทูวันละ 2 ตัว ชะลอความแก่


 


แพทย์เชี่ยวชาญอายุรวัฒน์นานาชาติแนะ 3 วิธีง่ายๆ  ช่วยคนไทยลดสังขารเสื่อมก่อนวัย อย่านอนดึก
เลี่ยงแป้งน้ำตาลคุมน้ำหนัก  กินผักใบเขียววันละ 5 กำมือ ปลาทู 2 ตัว มีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ซิตอัพวันละ  30 ครั้ง ฝึกหายใจลึกช่วยสติดีขึ้นชะลอแก่เร็ว 
กรณีนายสำอาง สืบสมาน หัวหน้าโครงการวิจัยสุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช  (มสธ.)
เปิดเผยผลงานวิจัยคนไทยประสบปัญหาภาวะเสื่อมสังขารก่อนวัยอันควร  สาเหตุจากโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง
เบาหวาน การถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจเพิ่มขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมในการบริโภคที่เสี่ยง  
ขณะที่ชายไทยฮิตเป็นโรคความดันโลหิตและโรคตับ 
ส่วนหญิงเป็นโรคคอพอกและหืดหอบนั้น   ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นพ.กฤษดา ศิรามพุช  
ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ (International Anti-Aging Institute: IAAI) กล่าวว่า  
การเข้าสู่ภาวะเสื่อมสังขารก่อนวัยอันควรกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ไม่ควรมองข้าม  เพราะจะนำไปสู่สังคมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
มีโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า  ส่งผลต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ  
"สาเหตุของภาวะเสื่อมสังขาร แบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย คือ 
1.ปัจจัยภายในที่เกิดจากการสะสมของความเครียด  ยิ่งขณะนี้ปัญหาการเมืองรุมเร้าทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ยิ่งทำให้คนไทยมีภาวะเครียดสูงขึ้น  การก้าวสู่ภาวะแก่ก่อนวัยจึงไม่ใช่เรื่องแปลก นอกจากนี้  ปัญหาความเครียด
จะพบมากในคนเมืองหลวง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพราะเป็นเมืองที่มีแต่การแข่งขัน มลภาวะสูง และ
 
2.ปัจจัยภายนอก สภาพแวดล้อม 
มลภาวะเป็นพิษต่างๆ รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภค  ที่ส่วนใหญ่นิยมบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง
น้ำตาล กาแฟ  จะมีสารที่ทำให้แก่สูงหรือที่เรียกว่า สารอนุมูลอิสระ 
 
"พฤติกรรมการนอนหลับยังทำให้คนไทยแก่เร็วด้วย เนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมนอนช่วงเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป
ทั้งๆ  ที่เวลาที่ควรนอนหลับพักผ่อนมากที่สุด คือ ช่วง 4 ทุ่ม และตื่นนอนตอน 6 โมงเช้า  เพราะเป็นช่วงที่ธาตุหนุ่มสาวหรือ
โกรท ฮอร์โมน (growth hormone)  ซึ่งเป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตจะหลั่งออกมามากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว
แต่หากเรานอนหลับหลังจากนั้นก็จะลดการหลั่งของธาตุหนุ่มสาว  สังเกตได้ว่าคนกรุงจะแก่เร็วมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะนอนดึกๆ กัน
แต่หากลองมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนเสียใหม่ แค่เพียง 1 สัปดาห์  ก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นทันที"  
นพ.กฤษดากล่าวว่า สำหรับวิธีชะลอความเสื่อมของสังขารนั้นไม่ยาก  ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของตัวเอง โดยใช้วิธีง่ายๆ
ที่เรียกว่า 3 H ประกอบด้วย  
 
1.Healthy Weight รู้จักควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้อ้วน โดยการเลี่ยงแป้งและน้ำตาล 
โดยเฉพาะในอาหารจำพวกขนมปัง เค้ก เบเกอรี่ ส่วนน้ำตาล หลายคนหันมาบริโภคสารให้ความหวานแทน
ซึ่งสารเหล่านี้ข้อควรระวังคือ  ไม่ควรนำมาประกอบอาหาร หรือถูกความร้อนสูงๆ  เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นทั้งใน
และต่างประเทศระบุว่า เมื่อสารให้ความหวาน  ประเภทน้ำตาลเทียมได้รับความร้อนสูงๆ อาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งได้  
ดังนั้น การจะบริโภคน้ำตาลเทียมควรเลือกสารให้ความหวานที่ผลิตจากธรรมชาติ อาทิ  ชะเอมเทศ หรือหญ้าหวาน เป็นต้น 
 
"2.Healthy diet and Lifestyle บริโภคผักใบเขียวโดยควรบริโภคประมาณวันละ 5  กำมือ และปลาทูอีก 2 ตัว  
อาหารเหล่านี้จะมีสารอาหารที่ช่วยต้านพวกสารแอนตี้ออกซิแดนซ์  หรืออนุมูลอิสระได้ และควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย และ
 
3.Healthy Mind  คือต้องมีกำลังใจที่ดี มีจิตและสมาธิอยู่กับปัจจุบัน โดยให้ฝึกหายใจเข้าลึกๆ ให้ท้องป่อง
และกลั้นหายใจสัก 4 วินาที จากนั้นค่อยๆ  ผ่อนลมหายใจออกจะช่วยให้มีสติดีขึ้น" 
นพ.กฤษดากล่าวว่า ที่สำคัญควรรู้จักฝึกการใช้สมอง 2 ซีกอย่างสม่ำเสมอ เพราะการที่ใช้สมองเพียงซีกเดียวจะทำให้เกิดความเสื่อมตามมา  หากเราถนัดมือขวาก็แสดงว่า สมองซีกซ้ายเราเด่น เราต้องทำให้สมองซีกขวาเด่นด้วย  โดยการฝึกใช้มือซ้าย หรือให้ฝึกการใช้สัมผัสอื่นๆ ที่เราไม่ถนัด  นอกจากนี้การที่เรารู้สึกหิวนิดๆ ก็จะทำให้โกรทฮอร์โมนหลั่งออกมามากด้วย  เพราะเมื่อร่างกายเริ่มหิวจะสั่งไปที่สมองให้หลั่งสารให้สมองรู้สึกโล่ง จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น การที่รู้สึกดีก็จะทำให้จิตใจดีช่วยชะลอความแก่ไปในตัว 
 
"ที่สำคัญการออกกำลังกายจะช่วยได้มากในเรื่องนี้  ยิ่งการซิตอัพจะทำให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนขึ้น เพราะจะทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ดังนั้น ในแต่ละวันควรซิตอัพอย่างน้อย 30 ครั้ง" นพ.กฤษดา กล่าว และว่า ปัจจุบันคนทำงานนิยมดื่มกาแฟกันมาก ทั้งๆ  ที่กาแฟเป็นตัวทำลายความอ่อนเยาว์ แต่จะให้เลิกกาแฟคงยาก ดังนั้น ไม่ควรทานกาแฟเกินวันละ 1 แก้ว หรือควรทานกาแฟเพียงวันละ 2 ช้อนชาก็เพียงพอ  ที่สำคัญอย่าลืมว่า  กาแฟยิ่งร้อนเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มความเข้มข้นให้กับคาเฟอีนซึ่งเป็นตัวอนุมูลอิสระที่สำคัญ    


CR: Forword Mail



No comments:

Post a Comment